Anti Aging + Facial Lifting Program
Hifu Ultraformer III ดีอย่างไร?
• ไม่ต้องฉีด ไม่ต้องผ่า ไม่มีแผล หลังทำแต่งหน้าทำงานได้ปกติ
• พลังงานสม่ำเสมอ ลงลึก ตึงกว่า ให้ผลดีกว่า Hifu ทั่วไป 5 เท่า
• หัวใหม่ 2.0 ลดริ้วรอยทั่วหน้า รอบดวงตา มุมปากได้ดีกว่ารุ่นปกติ
• หัวใหม่ 2.0 ลดริ้วรอยทั่วหน้า รอบดวงตา มุมปากได้ดีกว่ารุ่นปกติ
• ผ่านการรับรองคุณภาพและความปลอดภัยจากองค์การอาหารและยาของ ยุโรป,ออสเตรเลีย,ญี่ปุ่น,เกาหลี,ไทย
Hifu เหมาะกับใคร -ผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อยขาดความกระชับ -ผู้ที่ต้องการยกกระชับด้วยวิธีการไม่ผ่าตัด
ไม่ฉีด ไม่ใช้มีด -ผู้ต้องการยกกระชับ ปรับ หน้าเรียวโดยไม่ต้องพักฟื้น ไม่มีแผลหลังการรักษา
HIFU ULTRAFORMER II ไม่ต้องฉีด ไม่ต้องผ่า +แก้มหย่อนคล้อย + ลดเหนียง + ลดริ้วรอย +ลดร่องแก้ม +ปรับรูปหน้า V Shape +ลดร่องใต้ตา +ลด ต้นแขน/ขา +ลดหน้าท้อง +สร้างคอลลาเจน
• พลังงานสม่ำเสมอ ลงลึก ตึงกว่า ให้ผลดีกว่า Hifu ทั่วไป 5 เท่า
• หัวใหม่ 2.0 ลดริ้วรอยทั่วหน้า รอบดวงตา มุมปากได้ดีกว่ารุ่นปกติ
• หัวใหม่ 2.0 ลดริ้วรอยทั่วหน้า รอบดวงตา มุมปากได้ดีกว่ารุ่นปกติ
• ผ่านการรับรองคุณภาพและความปลอดภัยจากองค์การอาหารและยาของ ยุโรป,ออสเตรเลีย,ญี่ปุ่น,เกาหลี,ไทย
Hifu เหมาะกับใคร -ผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อยขาดความกระชับ -ผู้ที่ต้องการยกกระชับด้วยวิธีการไม่ผ่าตัด
ไม่ฉีด ไม่ใช้มีด -ผู้ต้องการยกกระชับ ปรับ หน้าเรียวโดยไม่ต้องพักฟื้น ไม่มีแผลหลังการรักษา
HIFU ULTRAFORMER II ไม่ต้องฉีด ไม่ต้องผ่า +แก้มหย่อนคล้อย + ลดเหนียง + ลดริ้วรอย +ลดร่องแก้ม +ปรับรูปหน้า V Shape +ลดร่องใต้ตา +ลด ต้นแขน/ขา +ลดหน้าท้อง +สร้างคอลลาเจน
ระยะเวลาการเห็นผลของการทำ HIFU หลังทำจะเห็นผลทันทีประมาณ 20% ชั้นผิวจะหดจากความร้อนที่ Focus ลงใต้ผิว 60°C-70°C โดยไม่ทำให้ผิว
ชั้นบนร้อน ไม่ทำให้ผิวไหม้ผลการทำ Hifu Macrofocus จะเห็นผลเต็มที่
ในระยะ 2-3 เดือน โดยทั่วไปจะอยู่ได้ 5-6 เดือนแลสามารถมีระยะเวลาถึง 1 ปี
ในระยะ 2-3 เดือน โดยทั่วไปจะอยู่ได้ 5-6 เดือนแลสามารถมีระยะเวลาถึง 1 ปี
PRP - STEMCELL
PRP ฟื้นฟูเซลล์ผิวหน้าให้เปล่งปลั่ง ใบหน้ากระชับอ่อนเยาว์
• หากคุณกำลังประสบกับปัญหาเหล่านี้
- ปัญหาผิวหน้าหมองคล้ำ ผิวหน้าโทรม ใต้ตาคล้ำ - ปัญหารอยสิว รอยแผลเป็น - ปัญหาผิวหน้าหย่อนคล้อย ผิวหน้าเเห้งขาดคอลลาเจน - ปัญหารอยหลุมสิวบนผิวหน้า ซึ่งการฟื้นฟูหรือบำรุงด้วยครีมทั่วๆ ไป อาจไม่เพียงพอ ฉะนั้นจะดีกว่าไหมถ้าหากมีเทคโนโลยีการรักษาฟื้นฟูใบหน้าที่ตอบโจทย์ต่อทุกสภาพผิวพรรณ ด้วยการทำ
PRP (PLATELET RICH PLASMA) เทคโนโลยีเพื่อความงามที่ถูกคิดค้นและพัฒนามาเพื่อซ่อมแซมและเสริมสร้างส่วนต่างๆ บนใบหน้า ที่ให้ประสิทธิผลดีและมีความปลอดภัยสูง
- ปัญหาผิวหน้าหมองคล้ำ ผิวหน้าโทรม ใต้ตาคล้ำ - ปัญหารอยสิว รอยแผลเป็น - ปัญหาผิวหน้าหย่อนคล้อย ผิวหน้าเเห้งขาดคอลลาเจน - ปัญหารอยหลุมสิวบนผิวหน้า ซึ่งการฟื้นฟูหรือบำรุงด้วยครีมทั่วๆ ไป อาจไม่เพียงพอ ฉะนั้นจะดีกว่าไหมถ้าหากมีเทคโนโลยีการรักษาฟื้นฟูใบหน้าที่ตอบโจทย์ต่อทุกสภาพผิวพรรณ ด้วยการทำ
PRP (PLATELET RICH PLASMA) เทคโนโลยีเพื่อความงามที่ถูกคิดค้นและพัฒนามาเพื่อซ่อมแซมและเสริมสร้างส่วนต่างๆ บนใบหน้า ที่ให้ประสิทธิผลดีและมีความปลอดภัยสูง
• PRP ฟื้นฟูผิวหน้าอย่างไร PRP (PLATELET RICH PLASMA) ฟื้นฟูผิวหน้าด้วยการนำเลือดของตัวเองมาปั่นแยก และคัดเฉพาะพลาสมาที่มีเกล็ดเลือด และ
Growth factor เข้มข้น โดยเกล็ดเลือดที่ได้จากการทำ PRP จะมีหน้าที่ในการรักษาเนื้อเยื่อและซ่อมแซมผิวที่เสื่อมสภาพ ซึ่งเต็มไปด้วยโมเลกุล Growth
Factor ซึ่งจะช่วยกระตุ้นการสร้างเนื้อเยื่อ และสเต็มเซลล์เพื่อซ่อมแซมผิวหนังที่เสื่อมสภาพจากอายุที่มากขึ้น ปัญหาผิวหน้าจากมลภาวะ
ที่ทำให้ผิวหน้าเกิดการ เสื่อมสภาพ เหี่ยวย่น มีริ้วรอย มีโพรงใต้ผิวหนัง และเมื่อทำการฉีดกลับเข้าไปใต้ผิวหนัง
ก็จะทำหน้าที่เข้าไปเติมเต็มและยกผิวที่เป็นโพรง ที่เป็นสาเหตุของริ้วรอย หลุมสิว ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน รวมถึงลดเม็ดสี ทำให้ผิวเรียบเนียน สีผิวสม่ำเสมอมากยิ่งขึ้น
ที่ทำให้ผิวหน้าเกิดการ เสื่อมสภาพ เหี่ยวย่น มีริ้วรอย มีโพรงใต้ผิวหนัง และเมื่อทำการฉีดกลับเข้าไปใต้ผิวหนัง
ก็จะทำหน้าที่เข้าไปเติมเต็มและยกผิวที่เป็นโพรง ที่เป็นสาเหตุของริ้วรอย หลุมสิว ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน รวมถึงลดเม็ดสี ทำให้ผิวเรียบเนียน สีผิวสม่ำเสมอมากยิ่งขึ้น
PRP ช่วยแก้ปัญหาผิวหน้าอะไรบ้าง
PRP อุดมไปด้วยโปรตีนที่ช่วยฟื้นฟูเนื้อเยื่อและซ่อมแซมผิวที่เสื่อมสภาพ สามารถแก้ไขได้ทุกสภาพผิว ดังนี้
-แก้ปัญหาผู้ที่มี ความยืดหยุ่นของผิวน้อย ผิวหย่อนคล้อย โดยช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน
ทำให้เกิดการผลัดเซลล์ผิวใหม่ ทำให้ผิวมีความยืดหยุ่นเพิ่มมากขึ้น -ช่วยฟื้นฟู กระตุ้น ซ่อมแซมเซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพ รอยคล้ำใต้ตา มีร่องแก้ม -ช่วยรักษาริ้วรอยตามส่วนต่างๆ ของใบหน้า ทั้งหน้าผาก หว่างคิ้วหรือหางตา -ช่วยรักษาสิว ฝ้า กระ จุดด่างดำ รอยดำ รอยแดงจากสิว -ช่วยรักษาหลุมสิว ทำให้รูขุมขนเล็กลง
-รักษารอยแผลเป็นให้มีขนาดเล็กลง
ข้อจำกัดในการทำ PRP หน้า การทำ PRP (PLATELET RICH PLASMA) มีข้อจำกัดดังนี้มีประวัติเป็นโรคหรือกลุ่มอาการที่มีความผิดปกติของเกล็ดเลือด
เกี่ยวกับการแข็งตัวของเลือด โรคเลือดจาง มีภาวะเกล็ดเลือดต่ำรุนแรง (< 100,000 เกล็ดต่อไมโครลิตร) หรือ มีค่าฮีโมโกลบิน < 10 กรัมต่อเดซิลิตร มีภาวะติด
เชื้อในกระแสเลือด หรือมีการติดเชื้อเฉพาะส่วนในบริเวณที่ทำการรักษา มีการใช้ยากลุ่ม NSAID อย่างต่อเนื่องภายใน 48 ชั่วโมง ผู้ที่อยู่ในช่วงที่ต้องรับประทาน
ยาต้านเกล็ดเลือด หรือสลายลิ่มเลือด มีไข้หรือเพิ่งเจ็บป่วย ผู้ป่วยที่เป็นโรคมะเร็ง โดยเฉพาะมะเร็งเม็ดเลือด หรือกระดูก ไม่แนะนำให้ทำร่วมกับ Botox หรือ
filler หากต้องการทำการรักษาร่วมกัน
ให้เว้นระยะห่างจาก Botox 1 สัปดาห์ และ filler 2-3 สัปดาห์ โดยอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์
ให้เว้นระยะห่างจาก Botox 1 สัปดาห์ และ filler 2-3 สัปดาห์ โดยอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์
การเตรียมตัวก่อนทำ PRP
ก่อนทำPRP (PLATELET RICH PLASMA)ต้องมีการเตรียมตัวดังต่อไปนี
เข้ามารับคำปรึกษากับแพทย์ เพื่อตรวจสภาพผิวหน้า ซัก
ประวัติเบื้องต้น ว่าเหมาะสมต่อการทำ PRP หรือไม่อย่างไร นอนพักผ่อนให้เพียงพอ อย่างน้อย 8 ชั่วโมงเพื่อเตรียมร่างกายให้พร้อม ดื่มน้ำสะอาดประมาณ 2
ลิตร ห้ามรับประทานยาต้านการอักเสบและการแข็งตัวของเลือดในกลุ่ม ASA หรือยาในกลุ่ม NSIAD ก่อนทำ 2-3 วัน หยุดยา Retinol และ Alpha hydroxyl
acid ก่อนทำการรักษา 1 สัปดาห์งดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์ทุกชนิดอย่างน้อย 2-3 วัน ก่อนเข้ารับบริการ งดอาหารที่มีไขมันสูง งดการแต่งหน้าในวันที่เข้ารับบริการ
ผลลัพธ์ที่ได้จากการทำ PRP สุขภาพผิวหน้าที่แลดูอ่อนเยาว์
จากการซ่อมแซมเซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพได้รับการฟื้นฟู กระตุ้น และเสริมสร้างผิวจากภายในใน ระดับลึก
เพิ่มความเปล่งปลั่งดูมีสุขภาพดีอย่างเป็นธรรมชาติ โดยระยะเวลาในการทำ PRP นั้น จะเห็นผลอย่างชัดเจนภายในระยะเวลา 3 เดือน แต่เพื่อการ ประสิทธิภาพที่เหมาะสมที่สุด ควรทำซ้ำ 2-3 ครั้ง โดยเว้นระยะห่าง 2-4 สัปดาห์ หรือตามดุลยพินิจของแพทย์ซึ่งผลลัพธ์จะสามารถอยู่ได้นานกว่า 1 ปี ทั้งนี้ผล ของการรักษาก็ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล รวมถึงการดูแลตัวเองหลังการรักษาร่วมด้วย อย่างไรก็ตาม การทำ PRP ผิวหน้านั้นมีความปลอดภัย เพราะทุกขั้นตอนใน การใช้เครื่องมือแพทย์ชนิดต่างๆ นั้น โดยเฉพาะ ตัวหลอดเก็บเลือดพิเศษ ที่เรียกว่า BCT Tube ถูกออกแบบมาโดยเฉพาะ และผ่านการฆ่าเชื้อทุกครั้ง เพื่อให้ได้ PRP ที่เข้มข้น และสามารถนำกลับเข้าสู่ร่างกาย ปราศจากการติดเชื้อ ที่สำคัญการทำ PRP ผิวหน้า เป็นการรักษาที่แพทย์ดูแลและทำหัตถการเองทุกเคส สนใจ สามารถเข้ารับการปรึกษาจากแพทย์เฉพาะทางด้านผิวหนังและความงามได้
จากการซ่อมแซมเซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพได้รับการฟื้นฟู กระตุ้น และเสริมสร้างผิวจากภายในใน ระดับลึก
เพิ่มความเปล่งปลั่งดูมีสุขภาพดีอย่างเป็นธรรมชาติ โดยระยะเวลาในการทำ PRP นั้น จะเห็นผลอย่างชัดเจนภายในระยะเวลา 3 เดือน แต่เพื่อการ ประสิทธิภาพที่เหมาะสมที่สุด ควรทำซ้ำ 2-3 ครั้ง โดยเว้นระยะห่าง 2-4 สัปดาห์ หรือตามดุลยพินิจของแพทย์ซึ่งผลลัพธ์จะสามารถอยู่ได้นานกว่า 1 ปี ทั้งนี้ผล ของการรักษาก็ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล รวมถึงการดูแลตัวเองหลังการรักษาร่วมด้วย อย่างไรก็ตาม การทำ PRP ผิวหน้านั้นมีความปลอดภัย เพราะทุกขั้นตอนใน การใช้เครื่องมือแพทย์ชนิดต่างๆ นั้น โดยเฉพาะ ตัวหลอดเก็บเลือดพิเศษ ที่เรียกว่า BCT Tube ถูกออกแบบมาโดยเฉพาะ และผ่านการฆ่าเชื้อทุกครั้ง เพื่อให้ได้ PRP ที่เข้มข้น และสามารถนำกลับเข้าสู่ร่างกาย ปราศจากการติดเชื้อ ที่สำคัญการทำ PRP ผิวหน้า เป็นการรักษาที่แพทย์ดูแลและทำหัตถการเองทุกเคส สนใจ สามารถเข้ารับการปรึกษาจากแพทย์เฉพาะทางด้านผิวหนังและความงามได้
ร้อยไหม
การร้อยไหม คือการใช้เข็มนำเส้นไหมละลายที่มีเงี่ยง สอดลงในชั้นผิวหนังผิวก็จะถูกเงี่ยงเกี่ยวขึ้นมาตามเส้นไหมในทิศทางที่ร้อยไหมเข้าไป คล้าย ๆ
ตะขอเกี่ยว สามารถทำได้ทั้งการร้อยไหมปรับรูปหน้า ร้อยไหมดึงหน้าร้อยไหมกระชับหน้า ร้อยไหมจมูก
ร้อยไหม ช่วยเรื่องอะไรบ้าง ?
การร้อยไหม ถือเป็นหัตถการที่ได้รับความนิยมและรู้จักกันมานานครับ โดยสามารถช่วยได้หลายเรื่อง ได้แก่
-ร้อยไหม หน้า เรียว ปรับรูปหน้า -ร้อยไหม ยกกระชับ แก้ปัญหาแก้มหย่อน -ร้อยไหมจมูก เสริมจมูกให้โด่งสวย -ร้อยไหม ช่วยลดริ้วรอย กระตุ้นคอลลาเจนใต้ผิว การร้อยไหมเหมาะกับใครบ้าง ? การร้อยไหม เหมาะกับคนที่อยากยกกระชับใบหน้า ปรับรูปหน้าให้เรียวขึ้น มีปัญหาแก้มหย่อนคล้อย รวมถึงช่วยลดริ้ว รอย โดยไม่ต้องผ่าตัด และเห็นผลรวดเร็วครับ ในการร้อยไหม จะมีจุดที่ดึงบริเวณแก้มส่วนล่างและจุดที่ยึดอยู่บริเวณขมับดึงเข้าหากันจึงสามารถดึงแก้มที่ หย่อนขึ้นได้ทันทีหลังการร้อยไหม จะทำให้ผิวบริเวณที่ร้อยไหมเข้าไป เกิดการกระตุ้นเซลล์ที่มีหน้าที่สร้างเส้นใยคอลลาเจน และทำให้เลือดไหลเวียนมา เลี้ยงชั้นผิวหนังมากขึ้น ช่วยให้ผิวมีความกระชับ
เต่งตึงขึ้นอย่างชัดเจนนอกจากนี้การร้อยไหม ยังสามารถทำร่วมกับหัตถการอื่นๆ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ดี ยิ่งขึ้น
เช่น ฟิลเลอร์โบท็อก หรือ Hifu โดยควรปรึกษาแพทย์เพื่อวางแผนการรักษาร่วมกันครับ
การร้อยไหม ถือเป็นหัตถการที่ได้รับความนิยมและรู้จักกันมานานครับ โดยสามารถช่วยได้หลายเรื่อง ได้แก่
-ร้อยไหม หน้า เรียว ปรับรูปหน้า -ร้อยไหม ยกกระชับ แก้ปัญหาแก้มหย่อน -ร้อยไหมจมูก เสริมจมูกให้โด่งสวย -ร้อยไหม ช่วยลดริ้วรอย กระตุ้นคอลลาเจนใต้ผิว การร้อยไหมเหมาะกับใครบ้าง ? การร้อยไหม เหมาะกับคนที่อยากยกกระชับใบหน้า ปรับรูปหน้าให้เรียวขึ้น มีปัญหาแก้มหย่อนคล้อย รวมถึงช่วยลดริ้ว รอย โดยไม่ต้องผ่าตัด และเห็นผลรวดเร็วครับ ในการร้อยไหม จะมีจุดที่ดึงบริเวณแก้มส่วนล่างและจุดที่ยึดอยู่บริเวณขมับดึงเข้าหากันจึงสามารถดึงแก้มที่ หย่อนขึ้นได้ทันทีหลังการร้อยไหม จะทำให้ผิวบริเวณที่ร้อยไหมเข้าไป เกิดการกระตุ้นเซลล์ที่มีหน้าที่สร้างเส้นใยคอลลาเจน และทำให้เลือดไหลเวียนมา เลี้ยงชั้นผิวหนังมากขึ้น ช่วยให้ผิวมีความกระชับ
เต่งตึงขึ้นอย่างชัดเจนนอกจากนี้การร้อยไหม ยังสามารถทำร่วมกับหัตถการอื่นๆ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ดี ยิ่งขึ้น
เช่น ฟิลเลอร์โบท็อก หรือ Hifu โดยควรปรึกษาแพทย์เพื่อวางแผนการรักษาร่วมกันครับ
ร้อยไหม อันตรายไหม ?
ร้อยไหม ไม่อันตรายครับ ถ้าหากร้อยด้วยวิธีที่ถูกต้อง และใช้ไหมละลายที่ผ่านการรับรองจาก อย. รวมไปถึงเทคนิคและ ประสบการณ์ของแพทย์ ก็เป็นส่วนสำคัญที่จะทำให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีและปลอดภัยครับ เมื่อเวลาผ่านไป
6-18 เดือน เส้นไหมก็จะละลายไปโดยไม่เป็นอันตราย การร้อยไหมด้วยเทคนิคที่ถูกต้องก็จะเกิดเป็นเส้นใยอิลาสตินช่วยประคองผิว คล้ายเส้นเอ็นที่มีอยู่ตามธรรมชาติของร่างกายครับ
ร้อยไหม ไม่อันตรายครับ ถ้าหากร้อยด้วยวิธีที่ถูกต้อง และใช้ไหมละลายที่ผ่านการรับรองจาก อย. รวมไปถึงเทคนิคและ ประสบการณ์ของแพทย์ ก็เป็นส่วนสำคัญที่จะทำให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีและปลอดภัยครับ เมื่อเวลาผ่านไป
6-18 เดือน เส้นไหมก็จะละลายไปโดยไม่เป็นอันตราย การร้อยไหมด้วยเทคนิคที่ถูกต้องก็จะเกิดเป็นเส้นใยอิลาสตินช่วยประคองผิว คล้ายเส้นเอ็นที่มีอยู่ตามธรรมชาติของร่างกายครับ
ผลข้างเคียงจากการร้อยไหม ที่ควรรู้ ?
ผลข้างเคียงปกติที่เกิดขึ้นได้ -มีอาการบวม หรือเขียวช้ำ แต่จะค่อยๆ ดีขึ้นและหายไปเองใน 7 - 14 วัน -ขณะทำ จะรู้สึกถึงเส้นไหมที่ถูกร้อยเข้าไปบนใบหน้า -อาจมีเลือดออกบริเวณที่แทงเข็มเข้าไป
สำหรับผลข้างเคียงที่อันตราย เช่น ไหมทะลุ ไหมขาด เกิดการอักเสบ
ของเนื้อเยื่อ ติดเชื้อ ผลข้างเคียงเหล่านี้มักจะเกิดจากการร้อยไหมกับหมอเถื่อน คลินิกเถื่อน ไม่ได้ใช้ไหมที่ปลอดภัย ดังนั้นก่อนตัดสินใจ ร้อยไหม ควร
พิถีพิถันในการเลือกคลินิกที่ได้มาตรฐานและหมอที่มีประสบการณ์เท่านั้นครับ
ข้อห้ามในการร้อยไหม มีอะไรบ้าง ?
• ในผู้ที่มีภาวะอักเสบติดเชื้อที่ผิวหนังบริเวณที่จะร้อยไหม
• เคยมีประวัติแพ้ส่วนประกอบของวัสดุเส้นไหม ที่วินิจฉัยว่าแพ้โดยแพทย์ หากมีอาการข้างเคียง (Side Effect)
อื่น ๆ ไม่ได้ถือว่าเป็นการแพ้ (Allergy)
• มีประวัติแพ้ยาชา (หากคนไข้ไม่เคยฉีดยาชาทำฟันมาก่อน ควรแจ้งแพทย์เพื่อเพิ่มความระมัดระวังในการใช้ยาชา) • มีภาวะเลือดไหลไม่หยุด (Bleeding Disorder) แพทย์จะพิจารณาว่าสามารถร้อยไหมได้หรือไม่ ตามดุลยพินิจ
• ห้ามร้อยไหมในผู้ที่ตั้งครรภ์ -ในกรณีให้นมบุตรควรปรึกษาสูติแพทย์ที่ดูแลก่อนร้อยไหม
• ในผู้ที่มีภาวะอักเสบติดเชื้อที่ผิวหนังบริเวณที่จะร้อยไหม
• เคยมีประวัติแพ้ส่วนประกอบของวัสดุเส้นไหม ที่วินิจฉัยว่าแพ้โดยแพทย์ หากมีอาการข้างเคียง (Side Effect)
อื่น ๆ ไม่ได้ถือว่าเป็นการแพ้ (Allergy)
• มีประวัติแพ้ยาชา (หากคนไข้ไม่เคยฉีดยาชาทำฟันมาก่อน ควรแจ้งแพทย์เพื่อเพิ่มความระมัดระวังในการใช้ยาชา) • มีภาวะเลือดไหลไม่หยุด (Bleeding Disorder) แพทย์จะพิจารณาว่าสามารถร้อยไหมได้หรือไม่ ตามดุลยพินิจ
• ห้ามร้อยไหมในผู้ที่ตั้งครรภ์ -ในกรณีให้นมบุตรควรปรึกษาสูติแพทย์ที่ดูแลก่อนร้อยไหม
ร้อยไหม มีข้อดี-ข้อเสียอย่างไร ?
ข้อดี
• เงี่ยงไหมที่คล้ายตะขอจะเกี่ยวดึงผิวขึ้นได้ทันที หลังร้อยไหมเห็นผลได้ทันที
• เส้นใยดังกล่าว ถ้าอยู่ในแนวที่ถูกต้อง และชั้นผิวที่เหมาะสม ก็จะสามารถช่วยประคองผิว กระชับผิว คล้ายๆ เส้น
เอ็นที่อยู่บนใบหน้าตามธรรมชาติ
• ไหมละลายที่ปลอดภัยสำหรับการร้อยไหมในปัจจุบันทำจากวัสดุ 3 ชนิด PDO (Polydioxanone)
PLLA (Polylactate) PCL (Polycaprolactone)
• เส้นใยดังกล่าว ถ้าอยู่ในแนวที่ถูกต้อง และชั้นผิวที่เหมาะสม ก็จะสามารถช่วยประคองผิว กระชับผิว คล้ายๆ เส้น
เอ็นที่อยู่บนใบหน้าตามธรรมชาติ
• ไหมละลายที่ปลอดภัยสำหรับการร้อยไหมในปัจจุบันทำจากวัสดุ 3 ชนิด PDO (Polydioxanone)
PLLA (Polylactate) PCL (Polycaprolactone)
ซึ่งวัสดุทั้ง 3 ชนิดนี้ผ่านการรับรองจากFDAทั้งในเมืองไทยและต่างประเทศว่ามีความปลอดภัยในการเย็บแผลครับ
-ไหมละลายในปัจจุบัน ไม่มีส่วนผสมของโลหะ สามารถละลายได้หมด 100% ตามระยะเวลา โดยไม่มีสารตกค้าง
จะเหลือเพียงเส้นใย elastin ที่ร่างกาย เราสร้างขึ้นมาซึ่งช่วยประคองผิว
-ในคนที่แก้มตอบบางเคสสามารถใช้ไหมดึงไขมันขึ้นมาเติมแก้มได้ แก้มล่างยุบและแก้มบนเต็มขึ้น
(ต้องมีเนื้อแก้มส่วนล่างให้ดึงนะครับ ถ้าไม่มีเนื้อก็ต้อง ใช้ฟิลเลอร์)
-หาก ร้อยไหม กับแพทย์ที่มีความชำนาญ และร้อยด้วยเทคนิคที่ถูกต้อง ก็จะลดความเสี่ยงในการบวมช้ำลงได้มาก -การร้อยไหมเส้นเล็กๆ สามารถแก้ริ้วรอยในบางจุดได้เช่น ริ้วรอยเล็กๆ บริเวณมุมปากที่คล้ายๆ ลักยิ้ม
หรือริ้วรอยหางตา, หน้าผาก ในเคสที่ดื้อโบท็อก
จะเหลือเพียงเส้นใย elastin ที่ร่างกาย เราสร้างขึ้นมาซึ่งช่วยประคองผิว
-ในคนที่แก้มตอบบางเคสสามารถใช้ไหมดึงไขมันขึ้นมาเติมแก้มได้ แก้มล่างยุบและแก้มบนเต็มขึ้น
(ต้องมีเนื้อแก้มส่วนล่างให้ดึงนะครับ ถ้าไม่มีเนื้อก็ต้อง ใช้ฟิลเลอร์)
-หาก ร้อยไหม กับแพทย์ที่มีความชำนาญ และร้อยด้วยเทคนิคที่ถูกต้อง ก็จะลดความเสี่ยงในการบวมช้ำลงได้มาก -การร้อยไหมเส้นเล็กๆ สามารถแก้ริ้วรอยในบางจุดได้เช่น ริ้วรอยเล็กๆ บริเวณมุมปากที่คล้ายๆ ลักยิ้ม
หรือริ้วรอยหางตา, หน้าผาก ในเคสที่ดื้อโบท็อก
ข้อเสีย
• บนเส้นไหมจะมีเงี่ยงที่ทำหน้าที่คล้ายตะขอสำหรับดึงผิวไปในทิศที่ ต้องการ ถ้าร้อยไหมด้วยเทคนิคที่ไม่ถูกต้องหรือร้อยตื้นเกินไปจะเกิด รอยบุ๋มขึ้น
ตามแนวที่ร้อยไหมได้
• เส้นไหมจะกระตุ้นให้ fibroblast (เซลล์สร้างคอลลาเจน) เกิดการสร้างเส้นใย collagen และ elastin แต่ถ้าซ้อน
ทับกันมากเกินไป และอยู่ในตำแหน่งที่ ไม่ถูกต้องก็จะเรียกว่า พังผืด (fibrosis) ถ้าอยู่ในผิวชั้นตื้นเกินไป
ก็จะดึงรั้งผิวให้ผิดรูปได้
• ไหมละลายมีอายุ 4 เดือน-2 ปี ขึ้นกับชนิดของเส้นไหม แต่ถึงแม้ไหมจะยังละลายไม่หมด ในคนส่วนมาก เมื่อเวลา
ผ่านไป 6-8เดือน ผิวก็จะหลุดออกจาก เส้นไหมได้ก่อน ทำให้ผลลัพธ์อยู่ได้ไม่นานเท่าตามที่โฆษณาและไหมละลาย
บางชนิดที่อยู่ได้นานแต่ขาดความยืดหยุ่นเมื่อเวลาผ่านไปจะเกิดการเคลื่อนตัวและทะลุโผล่ออกมานอกผิวหนังได้
ทับกันมากเกินไป และอยู่ในตำแหน่งที่ ไม่ถูกต้องก็จะเรียกว่า พังผืด (fibrosis) ถ้าอยู่ในผิวชั้นตื้นเกินไป
ก็จะดึงรั้งผิวให้ผิดรูปได้
• ไหมละลายมีอายุ 4 เดือน-2 ปี ขึ้นกับชนิดของเส้นไหม แต่ถึงแม้ไหมจะยังละลายไม่หมด ในคนส่วนมาก เมื่อเวลา
ผ่านไป 6-8เดือน ผิวก็จะหลุดออกจาก เส้นไหมได้ก่อน ทำให้ผลลัพธ์อยู่ได้ไม่นานเท่าตามที่โฆษณาและไหมละลาย
บางชนิดที่อยู่ได้นานแต่ขาดความยืดหยุ่นเมื่อเวลาผ่านไปจะเกิดการเคลื่อนตัวและทะลุโผล่ออกมานอกผิวหนังได้
• หากเป็นไหมยุคโบราณ ที่มีส่วนผสมของโลหะ เช่นทองคำ โลหะจะดูดความร้อนจากการทำ X-ray, MRI,
เครื่องสแกนต่างๆ และจะทำให้ผิวไหม้ได้
• ในทรงหน้าของบางเคสที่โหนกแก้มเด่น หากร้อยไหมจะยิ่งทำให้โหนกแก้มเด่นขึ้น และไม่สวยแนะนำให้ปรับ
รูปหน้าด้วยวิธีอื่นแทนเช่น ฟิลเลอร์แก้มตอบ
• ในการร้อยไหม มีความเสี่ยงที่จะเกิดการบวมช้ำหลังทำค่อนข้างสูง ทั้งจากการฉีดยาชา และเลือดที่ออกใต้
ผิวหนัง ถึงแม้หลังทำทันทีจะบวมน้อย แต่ก็ อาจจะบวมมากขึ้นในช่วง 3-4 วันแรก ซึ่งส่วนมากก็จะหายได้เอง
ภายใน 7-14 วัน
บางคลินิกใช้การร้อยไหมเติมแทนฟิลเลอร์ อันนี้ไม่แนะนำให้ทำครับ เพราะการเติมเต็มใต้ตาร่องแก้มต้องใช้ปริมาณเส้นไหมจำนวนมาก (เป็นร้อยๆ เส้น) จะทำให้เกิดพังผืดและเกิดปัญหา บางคลินิกนำไหมไปปั่นเป็นผงเล็กๆ
(ไหมน้ำ) แล้วฉีดแทนฟิลเลอร์ อันนี้ก็ทำให้เกิดพังผืดครับ ไม่แนะนำครับ
เครื่องสแกนต่างๆ และจะทำให้ผิวไหม้ได้
• ในทรงหน้าของบางเคสที่โหนกแก้มเด่น หากร้อยไหมจะยิ่งทำให้โหนกแก้มเด่นขึ้น และไม่สวยแนะนำให้ปรับ
รูปหน้าด้วยวิธีอื่นแทนเช่น ฟิลเลอร์แก้มตอบ
• ในการร้อยไหม มีความเสี่ยงที่จะเกิดการบวมช้ำหลังทำค่อนข้างสูง ทั้งจากการฉีดยาชา และเลือดที่ออกใต้
ผิวหนัง ถึงแม้หลังทำทันทีจะบวมน้อย แต่ก็ อาจจะบวมมากขึ้นในช่วง 3-4 วันแรก ซึ่งส่วนมากก็จะหายได้เอง
ภายใน 7-14 วัน
บางคลินิกใช้การร้อยไหมเติมแทนฟิลเลอร์ อันนี้ไม่แนะนำให้ทำครับ เพราะการเติมเต็มใต้ตาร่องแก้มต้องใช้ปริมาณเส้นไหมจำนวนมาก (เป็นร้อยๆ เส้น) จะทำให้เกิดพังผืดและเกิดปัญหา บางคลินิกนำไหมไปปั่นเป็นผงเล็กๆ
(ไหมน้ำ) แล้วฉีดแทนฟิลเลอร์ อันนี้ก็ทำให้เกิดพังผืดครับ ไม่แนะนำครับ
ร้อยไหมแล้วหน้าบวม 14 วัน เกิดจากอะไร ?
เกิดได้จาก 4 สาเหตุหลักๆ ครับ
1. เนื้อแก้มเยอะ หรือดึงเยอะเกินไปวิธีร้อยไหมที่หน้าในคนที่มีเนื้อแก้มเยอะ หมอแนะนำให้ทำเมโสแฟต ให้แก้มน้อย
ลงก่อนครับ จะทำให้สามารถดึงไหม ได้เยอะขึ้นเพราะประโยชน์ของการร้อยไหมไม่ได้ช่วยลดไขมันบนใบหน้า
ถ้าคนที่ใจร้อนก็สามารถร้อยไหมได้ แต่ก็จะดึงได้น้อยลง ถ้าดึงเยอะเนื้อแก้มก็จะ ไปกองด้านบน ทำให้ดูเหมือน
หน้าบวมได้ครับ ซึ่งในกรณีแบบนี้จะบวมนานเกิน 1 เดือน ต้องรอให้ไหมเริ่มคลาย 2-3 เดือนถึงจะเริ่มดีขึ้น
ในบางเคสที่เนื้อ แก้มเยอะ การร้อยไหมจะช่วยให้เนื้อแก้มน้อยลงได้ครับ โดยผ่านกระบวนการ fat-reposition
(การดึงไขมัน) ด้วยการร้อยไหม แต่จะต้องใช้เวลาหลาย เดือน และต้องร้อยไหมหลายครั้ง
2. การดึงไหมผิดแนว ถ้า ร้อยไหม เพื่อดึงร่องแก้ม จะทำให้โหนกแก้มเนื้อเยอะขึ้นและทำให้หน้าดูบวมได้
ปกติการร้อยไหมจะเน้นแก้ไขความหย่อนของ แก้มในบริเวณใกล้ๆ มุมปาก ร้อยไหมกรอบหน้ามากกว่าครับ
จะเห็นว่าการร้อยไหมนั้นต้องอาศัยเทคนิคและความชำนาญในการประเมินทรงหน้าของ แพทย์ด้วยครับ
จึงจะทำให้ผลในการร้อยไหมออกมาสวยและเข้ารูป
ลงก่อนครับ จะทำให้สามารถดึงไหม ได้เยอะขึ้นเพราะประโยชน์ของการร้อยไหมไม่ได้ช่วยลดไขมันบนใบหน้า
ถ้าคนที่ใจร้อนก็สามารถร้อยไหมได้ แต่ก็จะดึงได้น้อยลง ถ้าดึงเยอะเนื้อแก้มก็จะ ไปกองด้านบน ทำให้ดูเหมือน
หน้าบวมได้ครับ ซึ่งในกรณีแบบนี้จะบวมนานเกิน 1 เดือน ต้องรอให้ไหมเริ่มคลาย 2-3 เดือนถึงจะเริ่มดีขึ้น
ในบางเคสที่เนื้อ แก้มเยอะ การร้อยไหมจะช่วยให้เนื้อแก้มน้อยลงได้ครับ โดยผ่านกระบวนการ fat-reposition
(การดึงไขมัน) ด้วยการร้อยไหม แต่จะต้องใช้เวลาหลาย เดือน และต้องร้อยไหมหลายครั้ง
2. การดึงไหมผิดแนว ถ้า ร้อยไหม เพื่อดึงร่องแก้ม จะทำให้โหนกแก้มเนื้อเยอะขึ้นและทำให้หน้าดูบวมได้
ปกติการร้อยไหมจะเน้นแก้ไขความหย่อนของ แก้มในบริเวณใกล้ๆ มุมปาก ร้อยไหมกรอบหน้ามากกว่าครับ
จะเห็นว่าการร้อยไหมนั้นต้องอาศัยเทคนิคและความชำนาญในการประเมินทรงหน้าของ แพทย์ด้วยครับ
จึงจะทำให้ผลในการร้อยไหมออกมาสวยและเข้ารูป
3. การอักเสบติดเชื้อ ปกติหลังร้อยไหม ในช่วง 3-4 วันแรกจะมีอาการบวม และหลังจากนั้นอาการบวมจะเริ่มยุบ
ลงจนเข้าที่ใน 14 วัน แต่ถ้าหลังจาก 4 วันแล้วยังบวมแดงมากขึ้น ปวดมากขึ้น ต้องรีบกลับมาพบแพทย์เพื่อ
ตรวจประเมินและให้ยากินเพิ่ม
4. บวมเลือด, บวมน้ำ -บวมเลือด คือ มีเลือดออกในชั้นผิว (hematoma) -บวมน้ำ คือ มีน้ำคั่งในชั้นผิวจาก
การอักเสบ (edema)ซึ่งทั้ง 2 กรณี จะยุบ หายไปเองในระยะ 2-3 อาทิตย์ โดยไม่มีอันตรายในการร้อยไหม
จะใช้เข็มเพื่อนำเส้นไหมเข้าสู่ผิว ซึ่งเข็มที่ใช้จะมีลักษณะแตกต่างกัน เพื่อลดความเสี่ยงใน การบวมเลือด
และบวมน้ำได้
ลงจนเข้าที่ใน 14 วัน แต่ถ้าหลังจาก 4 วันแล้วยังบวมแดงมากขึ้น ปวดมากขึ้น ต้องรีบกลับมาพบแพทย์เพื่อ
ตรวจประเมินและให้ยากินเพิ่ม
4. บวมเลือด, บวมน้ำ -บวมเลือด คือ มีเลือดออกในชั้นผิว (hematoma) -บวมน้ำ คือ มีน้ำคั่งในชั้นผิวจาก
การอักเสบ (edema)ซึ่งทั้ง 2 กรณี จะยุบ หายไปเองในระยะ 2-3 อาทิตย์ โดยไม่มีอันตรายในการร้อยไหม
จะใช้เข็มเพื่อนำเส้นไหมเข้าสู่ผิว ซึ่งเข็มที่ใช้จะมีลักษณะแตกต่างกัน เพื่อลดความเสี่ยงใน การบวมเลือด
และบวมน้ำได้
เข็มร้อยไหมแต่ละแบบ แตกต่างกันอย่างไร ?
เข็มที่ใช้ในการร้อยไหมมีดังนี้ : เข็ม L, เข็มทู่,เข็มตัด,เข็มแหลม ตามลำดับ
A. เข็มแหลม มีโอกาสเกิดการ บวมเลือด > บวมน้ำจะตัดผ่านเนื้อคล้ายๆ
การใช้มีดคมๆ ตัด จะเจ็บน้อยกว่า
บวมน้ำน้อยกว่า เส้นเลือดเล็กๆ ที่โดนตัดผ่านจะสมานได้ไวกว่าการใช้เข็มทู่ แต่ถ้าโดนเส้นเลือดใหญ่ก็
จะมีโอกาสบวม เลือดได้ครับ ต้องอาศัยความชำนาญของแพทย์
B. เข็มทู่ มีโอกาสเกิดการ บวมน้ำ > บวมเลือดจะผ่านเนื้อโดยการฉีกออกคล้ายๆ การใช้มีดทื่อๆ ตัด จะเจ็บ
มากกว่า บวมน้ำเยอะกว่า สามารถหลบเส้น เลือดใหญ่ๆ ได้ แต่เส้นเลือดเล็กๆ ก็ยังโดนฉีกขาดอยู่ดีครับ
ยังมีเลือดออกได้ ในการร้อยไหมเข็มทู่ที่ใช้จะใหญ่กว่าเข็มทู่ที่ใช้ฉีดฟิลเลอร์ครับ จึงบวมช้ำ เยอะกว่าฟิลเลอร์
การฉีดฟิลเลอร์ถ้าใช้เข็มแหลม ผลที่ออกมาจะสวยกว่าเข็มทู่ครับแต่เสี่ยงเข้าหลอดเลือดฟิลเลอร์จึงจำเป็น
ต้องใช้เข็มทู่แต่สำหรับการร้อยไหมหมอบางท่านจะถนัดเข็มแหลมมากกว่าเพราะสามารถควบคุม
ความแม่นยำได้ดีกว่า
บวมน้ำน้อยกว่า เส้นเลือดเล็กๆ ที่โดนตัดผ่านจะสมานได้ไวกว่าการใช้เข็มทู่ แต่ถ้าโดนเส้นเลือดใหญ่ก็
จะมีโอกาสบวม เลือดได้ครับ ต้องอาศัยความชำนาญของแพทย์
B. เข็มทู่ มีโอกาสเกิดการ บวมน้ำ > บวมเลือดจะผ่านเนื้อโดยการฉีกออกคล้ายๆ การใช้มีดทื่อๆ ตัด จะเจ็บ
มากกว่า บวมน้ำเยอะกว่า สามารถหลบเส้น เลือดใหญ่ๆ ได้ แต่เส้นเลือดเล็กๆ ก็ยังโดนฉีกขาดอยู่ดีครับ
ยังมีเลือดออกได้ ในการร้อยไหมเข็มทู่ที่ใช้จะใหญ่กว่าเข็มทู่ที่ใช้ฉีดฟิลเลอร์ครับ จึงบวมช้ำ เยอะกว่าฟิลเลอร์
การฉีดฟิลเลอร์ถ้าใช้เข็มแหลม ผลที่ออกมาจะสวยกว่าเข็มทู่ครับแต่เสี่ยงเข้าหลอดเลือดฟิลเลอร์จึงจำเป็น
ต้องใช้เข็มทู่แต่สำหรับการร้อยไหมหมอบางท่านจะถนัดเข็มแหลมมากกว่าเพราะสามารถควบคุม
ความแม่นยำได้ดีกว่า
C. เข็มตัด เป็นกึ่งแหลมกึ่งทู่ครับ
D. เข็ม L พัฒนาต่อจากเข็มตัดอีกขั้นหนึ่งเข็มแต่ละประเภทไม่สามารถระบุได้ว่าชนิดไหนดีที่สุดครับ
ขึ้นกับการประเมินเนื้อเยื่อของคนไข้และความถนัด ของหมอแต่ละคนครับ เช่น ถ้าคนไข้เคยเป็นสิว
และมีพังผืดเยอะ การใช้เข็มทู่ก็จะบวมช้ำมากกว่าเข็มแหลมครับ ที่ DAC Clinic จะมีเข็มทุกแบบ
ซึ่งหมอ จะประเมินและเลือกใช้ให้เหมาะกับคนไข้แต่ละคน
D. เข็ม L พัฒนาต่อจากเข็มตัดอีกขั้นหนึ่งเข็มแต่ละประเภทไม่สามารถระบุได้ว่าชนิดไหนดีที่สุดครับ
ขึ้นกับการประเมินเนื้อเยื่อของคนไข้และความถนัด ของหมอแต่ละคนครับ เช่น ถ้าคนไข้เคยเป็นสิว
และมีพังผืดเยอะ การใช้เข็มทู่ก็จะบวมช้ำมากกว่าเข็มแหลมครับ ที่ DAC Clinic จะมีเข็มทุกแบบ
ซึ่งหมอ จะประเมินและเลือกใช้ให้เหมาะกับคนไข้แต่ละคน
ทำไมร้อยไหม 3-4 เดือน ก็คลายแล้ว ?
การที่ไหมจะดึงผิวไว้ได้ มี 3 ปัจจัยหลักๆ ดังนี้
1. Elastin ในเนื้อของคนไข้เมื่อร้อยไหมยกกระชับหน้า จะใช้เส้นไหมที่มีเงี่ยงใช้เกี่ยวเนื้อคล้ายๆ
ตะขอ
แต่หากเนื้อเยื่อที่เกี่ยว เกิดความเสื่อมสภาพ เงี่ยงก็จะไม่สามารถเกาะอยู่ได้นานครับ เนื้อจะหลุดออกจาก
เส้นไหม ก่อนที่ไหมจะละลายเสียอีก โดย เฉลี่ยอายุของ elastin ในผิวคือ 6 เดือนครับการร้อยไหม
ในคนอายุเยอะ ผลที่ได้จะอยู้ได้สั้นลง เพราะในผิวขาด elastin แต่เมื่อร้อยเพิ่มหลายๆ ครั้งจะอยู่ ได้นานขึ้น
เพราะการร้อยไหมจะช่วยกระตุ้นการสร้าง elastin
2. การสร้าง elastin แม้เส้นไหมจะละลายไป แต่หากเนื้อเยื่อมีการสร้าง elastin ขึ้นมาเยอะ(คล้าย ๆ แปะกาว)
ความกระชับก็ยังคงอยู่ได้ครับ
3. อายุของเส้นไหม วัสดุที่ใช้ ร้อยไหม ได้ปลอดภัยมี 3 ชนิดคือ PCL / PLLA / PDO เรียงในรูปตามลำดับ
• PCL (Polycaprolactone) ละลายหมดภายใน 18-24 เดือน เส้นสีขาวขุ่น มีความยืดหยุ่นสูงที่สุด เส้นใหญ่ที่สุด • PLLA (Polylactate) ละลายหมดภายใน 12-18 เดือน เส้นสีขาวใส ขาดความยืดหยุ่น อาจจะพบปัญหา
ไหมขาด ไหมทะลุได้บ่อย
• PDO (Polydioxanone) จะละลายหมดภายใน 4-6 เดือน เส้นสีน้ำเงิน มีความยืดหยุ่นสูงเป็นที่นิยมมากที่สุด
แต่หากเนื้อเยื่อที่เกี่ยว เกิดความเสื่อมสภาพ เงี่ยงก็จะไม่สามารถเกาะอยู่ได้นานครับ เนื้อจะหลุดออกจาก
เส้นไหม ก่อนที่ไหมจะละลายเสียอีก โดย เฉลี่ยอายุของ elastin ในผิวคือ 6 เดือนครับการร้อยไหม
ในคนอายุเยอะ ผลที่ได้จะอยู้ได้สั้นลง เพราะในผิวขาด elastin แต่เมื่อร้อยเพิ่มหลายๆ ครั้งจะอยู่ ได้นานขึ้น
เพราะการร้อยไหมจะช่วยกระตุ้นการสร้าง elastin
2. การสร้าง elastin แม้เส้นไหมจะละลายไป แต่หากเนื้อเยื่อมีการสร้าง elastin ขึ้นมาเยอะ(คล้าย ๆ แปะกาว)
ความกระชับก็ยังคงอยู่ได้ครับ
3. อายุของเส้นไหม วัสดุที่ใช้ ร้อยไหม ได้ปลอดภัยมี 3 ชนิดคือ PCL / PLLA / PDO เรียงในรูปตามลำดับ
• PCL (Polycaprolactone) ละลายหมดภายใน 18-24 เดือน เส้นสีขาวขุ่น มีความยืดหยุ่นสูงที่สุด เส้นใหญ่ที่สุด • PLLA (Polylactate) ละลายหมดภายใน 12-18 เดือน เส้นสีขาวใส ขาดความยืดหยุ่น อาจจะพบปัญหา
ไหมขาด ไหมทะลุได้บ่อย
• PDO (Polydioxanone) จะละลายหมดภายใน 4-6 เดือน เส้นสีน้ำเงิน มีความยืดหยุ่นสูงเป็นที่นิยมมากที่สุด
• ร้อยไหมอะไรดีที่สุด ?
ในการร้อยไหมดึงหน้า ร้อยไหมยกกระชับหน้า คลินิกต่างๆ จะมีชื่อเรียกไหมแต่ละชนิดมากมาย เช่น
ไหมกุหลาบ, ไหมปิรันย่า, ไหม ทับทิม, ไหมทอนาโด ฯลฯ เป็นชื่อที่ไม่เป็นสากลครับ คลินิกต่างๆ ตั้งชื่อกันขึ้นมาเองเพื่อให้คนไข้ไม่สามารถเช็ค ราคาร้อยไหม เทียบกับคลินิกอื่น ๆ ได้* เราสามารถสอบถามทางคลินิกเพิ่มเติมได้ครับว่าร้อยไหมชนิดไหน โดยดูตามลักษณะเส้นไหมด้านล่างนี้ครับแท้ที่จริงแล้วเราแยกชนิดไหมหลักๆ ได้ดังนี้
- ตามชนิดวัสดุ PDO, PLLA, PCL -ตามลักษณะเส้นไหม ไหมกรวย, ไหมเงี่ยงใหญ่, ไหมเงี่ยงเล็ก, ไหมเกลียว, ไหมเรียบ ตามลำดับ วัสดุ PDO จะเป็นสีน้ำ เงิน ถ้า PLLA จะเป็นสีขาวใส, PCL จะสีขาวขุ่น ซึ่งจากประสบการณ์พบว่าไหมที่ดึงหน้าได้ดีที่สุดคือไหมเงี่ยงใหญ่ เป็นที่นิยมใช้ในทุกคลินิก แล้วแต่ว่าจะ ตั้งชื่อว่าอะไร และตั้งราคาร้อยไหมต่างกันเท่านั้นเอง
ในการร้อยไหมดึงหน้า ร้อยไหมยกกระชับหน้า คลินิกต่างๆ จะมีชื่อเรียกไหมแต่ละชนิดมากมาย เช่น
ไหมกุหลาบ, ไหมปิรันย่า, ไหม ทับทิม, ไหมทอนาโด ฯลฯ เป็นชื่อที่ไม่เป็นสากลครับ คลินิกต่างๆ ตั้งชื่อกันขึ้นมาเองเพื่อให้คนไข้ไม่สามารถเช็ค ราคาร้อยไหม เทียบกับคลินิกอื่น ๆ ได้* เราสามารถสอบถามทางคลินิกเพิ่มเติมได้ครับว่าร้อยไหมชนิดไหน โดยดูตามลักษณะเส้นไหมด้านล่างนี้ครับแท้ที่จริงแล้วเราแยกชนิดไหมหลักๆ ได้ดังนี้
- ตามชนิดวัสดุ PDO, PLLA, PCL -ตามลักษณะเส้นไหม ไหมกรวย, ไหมเงี่ยงใหญ่, ไหมเงี่ยงเล็ก, ไหมเกลียว, ไหมเรียบ ตามลำดับ วัสดุ PDO จะเป็นสีน้ำ เงิน ถ้า PLLA จะเป็นสีขาวใส, PCL จะสีขาวขุ่น ซึ่งจากประสบการณ์พบว่าไหมที่ดึงหน้าได้ดีที่สุดคือไหมเงี่ยงใหญ่ เป็นที่นิยมใช้ในทุกคลินิก แล้วแต่ว่าจะ ตั้งชื่อว่าอะไร และตั้งราคาร้อยไหมต่างกันเท่านั้นเอง
การดูแลตัวเอง หลังร้อยไหม
-หลังร้อยเสร็จทันที อาจมีอาการบวมแดง เขียวช้ำ ในจุดที่ร้อยไหมได้เป็นปกติ หายไปเองใน 2-3 วัน ห้ามแกะ เกา หรือกดนวด
-ทางคลินิกจะมีการจ่าย
ยาแก้ปวด ลดบวมให้ -ช่วง 3 วันแรก ไม่ควรขยับใบหน้าเยอะ อาจทำให้ไหมเคลื่อนที่
ผิดตำแหน่งได้ -งดยิงเซเลอร์ร้อน และหัตถการอื่นๆ ที่ใช้ความร้อน เป็นเวลา 2 เดือน
ในการดูแลตัวเองหลังร้อยไหม เพื่อให้ผลลัพธ์อยู่ได้นานขึ้น ข้อสำคัญคือควรปฏิบัติตามข้อแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัดครับ โดยหลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ เกี่ยวกับความร้อนและควรงดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และการสัมผัสใบหน้า • สรุป การร้อยไหม ถือเป็นหัตถการที่ปลอดภัยและเห็นผลลัพธ์รวดเร็วครับ ช่วยแก้ปัญหาแก้มหย่อนแก้มย้อย
ผิวกรอบหน้าไม่กระชับได้เป็นอย่างดีโดยไม่ ต้องผ่าตัด แต่ก็ควรปรึกษาแพทย์ที่มีประสบการณ์
เพื่อประเมินปัญหานั้นๆ ก่อนทำทุกครั้ง เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่สวยงามและปลอดภัย
ผิดตำแหน่งได้ -งดยิงเซเลอร์ร้อน และหัตถการอื่นๆ ที่ใช้ความร้อน เป็นเวลา 2 เดือน
ในการดูแลตัวเองหลังร้อยไหม เพื่อให้ผลลัพธ์อยู่ได้นานขึ้น ข้อสำคัญคือควรปฏิบัติตามข้อแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัดครับ โดยหลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ เกี่ยวกับความร้อนและควรงดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และการสัมผัสใบหน้า • สรุป การร้อยไหม ถือเป็นหัตถการที่ปลอดภัยและเห็นผลลัพธ์รวดเร็วครับ ช่วยแก้ปัญหาแก้มหย่อนแก้มย้อย
ผิวกรอบหน้าไม่กระชับได้เป็นอย่างดีโดยไม่ ต้องผ่าตัด แต่ก็ควรปรึกษาแพทย์ที่มีประสบการณ์
เพื่อประเมินปัญหานั้นๆ ก่อนทำทุกครั้ง เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่สวยงามและปลอดภัย
• Stemcell กับการป้องกัน ความเสื่อมโทรมของร่างกาย
Stemcell กับการป้องกันความเสื่อมโทรมของร่างกาย สเต็มเซลล์ (stem cell) คืออะไร
สเต็มเซลล์ stemcell คือ เซลล์ที่ยังไม่มีหน้าที่จำเพาะ ต้อง ได้รับการกระตุ้นและสั่งการจากร่างกาย เพื่อเป็นเซลล์ที่จำเพาะต่าง ๆ ดังนั้น stem cell จึงสามารถเปลี่ยนเแปลงไปเป็นเซลล์ได้ในร่างกาย เช่น เซลล์ กล้ามเนื้อหัวใจ เซลล์กระดูก หรือเซลล์ประสาท มีลักษณะพิเศษที่สำคัญ 3 ประการ ดังนี้
1.สเต็มเซลล์ สามารถ แบ่งตัวเองขึ้นมาใหม่ได้เป็นเวลานาน
2. ไม่ได้ทำหน้าที่เฉพาะเจาะจง
3.สามารถเปลี่ยนไปเป็นเซลล์ที่ทำหน้าที่เฉพาะเจาะจงได้
Stemcell กับการป้องกันความเสื่อมโทรมของร่างกาย สเต็มเซลล์ (stem cell) คืออะไร
สเต็มเซลล์ stemcell คือ เซลล์ที่ยังไม่มีหน้าที่จำเพาะ ต้อง ได้รับการกระตุ้นและสั่งการจากร่างกาย เพื่อเป็นเซลล์ที่จำเพาะต่าง ๆ ดังนั้น stem cell จึงสามารถเปลี่ยนเแปลงไปเป็นเซลล์ได้ในร่างกาย เช่น เซลล์ กล้ามเนื้อหัวใจ เซลล์กระดูก หรือเซลล์ประสาท มีลักษณะพิเศษที่สำคัญ 3 ประการ ดังนี้
1.สเต็มเซลล์ สามารถ แบ่งตัวเองขึ้นมาใหม่ได้เป็นเวลานาน
2. ไม่ได้ทำหน้าที่เฉพาะเจาะจง
3.สามารถเปลี่ยนไปเป็นเซลล์ที่ทำหน้าที่เฉพาะเจาะจงได้
ข้อดีของการใช้สเต็มเซลล์เลือดจากสายสะดือและจากสายสะดือ
• เป็นเซลล์ที่มีลักษณะทางพันธุกรรมเฉพาะกับตัวเด็กและครอบครัว ทำให้มีเนื้อเยื่อเข้ากันได้อย่างสมบูรณ์
• เป็นเซลล์ที่ยังไม่เคยรับโรคมาก่อน จึงมีความเสี่ยงในการติดเชื้อน้อย
• กระบวนการเก็บไม่สร้างความเจ็บปวดให้แก่แม่และเด็ก
• สามารถเก็บรักษาได้ด้วยการแช่แข็งเพื่อหยุดเวลา และป้องกันการเสื่อมสภาพและการติดเชื้อไวรัสต่าง ๆ ได้ดี
• ประโยชน์ของ สเต็มเซลล์ (Stem Cell) ในทางการแพทย์
• กระบวนการเก็บไม่สร้างความเจ็บปวดให้แก่แม่และเด็ก
• สามารถเก็บรักษาได้ด้วยการแช่แข็งเพื่อหยุดเวลา และป้องกันการเสื่อมสภาพและการติดเชื้อไวรัสต่าง ๆ ได้ดี
• ประโยชน์ของ สเต็มเซลล์ (Stem Cell) ในทางการแพทย์
สเต็มเซลล์เหมาะกับใครบ้าง
• โรคชรา หรือโรคความเสื่อมที่เกิดจากวัย
• โรคไขข้ออักเสบ โรครูมาตอยด์ โรคข้อเสื่อมต่างๆ
• โรคเบาหวาน แผลเบาหวาน
• โรคหัวใจและหลอดเลือด ช่วยในเรื่องการสร้างเส้นเลือดใหม่ สร้างเซลล์กล้ามเนื้อหัวใจ
• โรคทางระบบประสาท เช่น พาร์คินสัน อัลไซเมอร์ ไขสันหลังบาดเจ็บ ไขสันหลังอักเสบ โรคหลอดเลือดสมอง
แตกตีบ อัมพฤกษ์ อัมพาด จอประสาทตา เสื่อม ป้องกันการสูญเสียของเซลล์ประสาท
• โรคระบบประสาทในเด็ก เช่น ออทิสติก Rette Syndrome Cerebral Palsy
• โรคไตวาย ช่วยให้ค่าไต และ Creatinine ลดลง
• ภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง -โรคอื่นๆ ที่มีงานวิจัยว่าสามารถช่วยบรรเทาอาการได้ เช่น Multiple Sclerosis
Critical Limb Ischemia, Chronic Obstructive Pulmonary Disease ,Aplastic Anemia เป็นต้น.
• ผู้ป่วยโควิด-19 ด้วยเซลล์บำบัด สามารถช่วยลดการอักเสบของปอด หลังการติดเชื้อโควิด-19ได้
• โรคชรา หรือโรคความเสื่อมที่เกิดจากวัย
• โรคไขข้ออักเสบ โรครูมาตอยด์ โรคข้อเสื่อมต่างๆ
• โรคเบาหวาน แผลเบาหวาน
• โรคหัวใจและหลอดเลือด ช่วยในเรื่องการสร้างเส้นเลือดใหม่ สร้างเซลล์กล้ามเนื้อหัวใจ
• โรคทางระบบประสาท เช่น พาร์คินสัน อัลไซเมอร์ ไขสันหลังบาดเจ็บ ไขสันหลังอักเสบ โรคหลอดเลือดสมอง
แตกตีบ อัมพฤกษ์ อัมพาด จอประสาทตา เสื่อม ป้องกันการสูญเสียของเซลล์ประสาท
• โรคระบบประสาทในเด็ก เช่น ออทิสติก Rette Syndrome Cerebral Palsy
• โรคไตวาย ช่วยให้ค่าไต และ Creatinine ลดลง
• ภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง -โรคอื่นๆ ที่มีงานวิจัยว่าสามารถช่วยบรรเทาอาการได้ เช่น Multiple Sclerosis
Critical Limb Ischemia, Chronic Obstructive Pulmonary Disease ,Aplastic Anemia เป็นต้น.
• ผู้ป่วยโควิด-19 ด้วยเซลล์บำบัด สามารถช่วยลดการอักเสบของปอด หลังการติดเชื้อโควิด-19ได้
ขั้นตอนวิธีการฉีดสเต็มเซลล์ทางหลอดเลือดดำ
เมื่อผู้เข้ารับบริการเข้ามาพบแพทย์ แพทย์จะทำการตรวจร่างกายและทำการวางแผนการรักษา
1. ผู้เข้ารับบริการต้องนัดวันเวลาที่จะทำการเข้ามาฉีดสเต็มเซลล์ ล่วงหน้าอย่างน้อย 2-3 วัน
และยกเว้นการให้บริการในวันอาทิตย์
2. นัดวันเข้ารับบริการตรวจสุขภาพก่อนรับสเต็มเซลล์ ตามแพคเกจตรวจสุขภาพ โดยงดน้ำงดอาหารทุกชนิด
เป็น 12 ชม.ก่อนตรวจ ใช้ ระยะเวลาการตรวจสุขภาพ ประมาณ 1.30 ชม.
3. ทดสอบการแพ้ทางผิวหนัง เป็นเวลา 15-20 นาที
4. นอนพักในห้องรับรอง ให้สเต็มเซลล์ทางหลอดเลือดที่แขน ระยะเวลา 30-45 นาที
5. สังเกตุอาการ หลังได้รับสเต็มเซลล์ 30 นาที รับประทานอาหาร
6. รับบัตรนัดตรวจสุขภาพ และคำแนะนำการดูแลสุขภาพหลังให้ สเต็มเซลล์
7. สามารถกลับบ้านได้ไม่ต้องพักฟื้น
และยกเว้นการให้บริการในวันอาทิตย์
2. นัดวันเข้ารับบริการตรวจสุขภาพก่อนรับสเต็มเซลล์ ตามแพคเกจตรวจสุขภาพ โดยงดน้ำงดอาหารทุกชนิด
เป็น 12 ชม.ก่อนตรวจ ใช้ ระยะเวลาการตรวจสุขภาพ ประมาณ 1.30 ชม.
3. ทดสอบการแพ้ทางผิวหนัง เป็นเวลา 15-20 นาที
4. นอนพักในห้องรับรอง ให้สเต็มเซลล์ทางหลอดเลือดที่แขน ระยะเวลา 30-45 นาที
5. สังเกตุอาการ หลังได้รับสเต็มเซลล์ 30 นาที รับประทานอาหาร
6. รับบัตรนัดตรวจสุขภาพ และคำแนะนำการดูแลสุขภาพหลังให้ สเต็มเซลล์
7. สามารถกลับบ้านได้ไม่ต้องพักฟื้น
ทำไมจึงต้องเลือกรับบริการจาก ศูนย์ชะลอวัย CH9 Wellness Center By CH9 Airport Hospital สเต็มเซลล์จากรกจากเลือดสายสะดือ เนื้อเยื่อสาย
สะดือ และเนื้อเยื่อไขมัน และนำมาผ่านกระบวนการเพาะเลี้ยงโดยเครื่องมือและแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อให้ได้สเต็มเซลล์ที่มีคุณภาพ ภายใต้มาตรฐานการ
รับรอง
AABB (Association for the Advancement of Blood & Biotherapies) ซึ่งปัจจุบันเรามีการให้บริการครอบคลุมทั้งด้านการจัดเก็บและการ เพาะเลี้ยงแห่งเดียวในประเทศไทย เราให้ความสำคัญในทุกกระบวนการ ตั้งแต่การจัดเก็บสเต็มเซลล์ การเพาะเลี้ยง ครอบคลุมไปสู่กระบวนการการ นำไปใช้ เพื่อให้ตรงกับปัญหาสุขภาพและความต้องการเฉพาะบุคคล โดยมีการดำเนินงานภายใต้มาตรฐานการรับรองในระดับสากลที่ควบคุมทุกขั้นตอน โดยแพทย์และผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง เพื่อประโยชน์และความคุ้มค่าสูงสุดของคุณและทุกคนในครอบครัว รวมไปถึงการให้คำปรึกษาโดยผู้เชี่ยวชาญและมี ประสบการณ์ยาวนานเฉพาะทาง ในด้านการวางแผนการจัดเก็บสเต็มเซลล์เพื่อให้ได้สเต็มเซลล์ที่คุ้มค่าและเหมาะที่สุดสำหรับคุณ โดยดำเนินการภายใต้
AABB (Association for the Advancement of Blood & Biotherapies) ซึ่งปัจจุบันเรามีการให้บริการครอบคลุมทั้งด้านการจัดเก็บและการ เพาะเลี้ยงแห่งเดียวในประเทศไทย เราให้ความสำคัญในทุกกระบวนการ ตั้งแต่การจัดเก็บสเต็มเซลล์ การเพาะเลี้ยง ครอบคลุมไปสู่กระบวนการการ นำไปใช้ เพื่อให้ตรงกับปัญหาสุขภาพและความต้องการเฉพาะบุคคล โดยมีการดำเนินงานภายใต้มาตรฐานการรับรองในระดับสากลที่ควบคุมทุกขั้นตอน โดยแพทย์และผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง เพื่อประโยชน์และความคุ้มค่าสูงสุดของคุณและทุกคนในครอบครัว รวมไปถึงการให้คำปรึกษาโดยผู้เชี่ยวชาญและมี ประสบการณ์ยาวนานเฉพาะทาง ในด้านการวางแผนการจัดเก็บสเต็มเซลล์เพื่อให้ได้สเต็มเซลล์ที่คุ้มค่าและเหมาะที่สุดสำหรับคุณ โดยดำเนินการภายใต้
มาตรฐานและความปลอดภัยสูงสุด ที่นอกจากจะได้รับการรับรองมาตรฐาน AABB (Association for the Advancement of Blood &
Biotherapies) ที่มีการให้บริการทั้งด้านการจัดเก็บและเพาะเลี้ยงสเต็มเซลล์แห่งเดียวในประเทศไทยในปัจจุบันแล้ว เรายังมีการดำเนินการที่มีคุณธรรม
และจริยธรรมภายใต้มาตรฐาน รางวัลเหรียญทอง “Quality Choice Prize” จาก ESQR (European Society for Quality Research) ประเทศ
เยอรมนี ที่ยืนยันได้ถึงความปลอดภัยในกระบวนการจัดเก็บและการนำสเต็มเซลล์มาใช้ในอนาคต ยืนยันถึง
ความน่าเชื่อถือด้วยการดำเนินการโดยแพทย์ ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้นนอกจากนี้ในการจัดเก็บ Stem Cell
ของเราจะใช้ระบบการจัดเก็บอัจฉริยะ Artificial intelligence หรือ AI Technology สุดฉลาดที่ จะช่วยดูแล Stem Cell ให้อย่างมีประสิทธิภาพและสามารถนำมาใช้งานได้อย่างปลอดภัย ด้วยถังเก็บ Stem Cell
พร้อมระบบถัง Liquid Nitrogen
ความน่าเชื่อถือด้วยการดำเนินการโดยแพทย์ ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้นนอกจากนี้ในการจัดเก็บ Stem Cell
ของเราจะใช้ระบบการจัดเก็บอัจฉริยะ Artificial intelligence หรือ AI Technology สุดฉลาดที่ จะช่วยดูแล Stem Cell ให้อย่างมีประสิทธิภาพและสามารถนำมาใช้งานได้อย่างปลอดภัย ด้วยถังเก็บ Stem Cell
พร้อมระบบถัง Liquid Nitrogen
ขนาดใหญ่ เพื่อใช้ในการแช่แข็งได้อย่างรวดเร็ว ในอุณหภูมิ -196 องศาเซลเซียส พร้อมระบบคอมพิวเตอร์ที่สามารถควบคุมและติดตามบันทึกระดับ
อุณหภูมิ ความชื้นและระดับน้ำยา ตลอด 24 ชั่วโมง อีกทั้งยังมีระบบเติม Liquid Nitrogen อัตโนมัติหากอุณหภูมิลดต่ำกว่าเกณฑ์ รวมถึงส่งแจ้งเตือนไป
ยังช่างเทคนิคให้สามารถควบคุมระบบทางไกลได้ผ่านมือถือทันที หากมีเหตุฉุกเฉินเกิดขึ้นด้วยเหตุนี้ เราจึงเป็นผู้นำนวัตกรรมสเต็มเซลล์ที่มีบริการจัดเก็บส
เต็มเซลล์จากทารก สเต็มเซลล์จากรก เลือดสายสะดือ เนื้อเยื่อสายสะดือ และเนื้อเยื่อไขมันอย่างปลอดภัย พร้อมดูแลทุกคนในครอบครัวให้ได้รับ Stem
Cell ที่มีคุณภาพและสามารถใช้เป็นหลักประกันทางสุขภาพได้ในอนาคต
Lorem ipsum
เช่น
• จุดจอดรถ VIP ,จุดชาร์ทรถไฟฟ้า
• ชุดต้อนรับเครื่องดื่มชาร้อนและผ้าเช็ดมืออุ่น กลิ่นสมุนไพร
• อาหารมื้อกลางวันเพื่อสุขภาพ หรือ อาหารจานหลักตาม Order จาก Food House
ภายใต้เครื่องหมายการค้า S&P
• อาหารว่างรับรอง เช่น เครื่องดื่ม Smothies จากผลไม้หลากสี ต้านอนุมูลอิสระ หลากชนิด
ติ่มซำ ,ผลไม้ ชนิดต่างๆ
• บริการเตียงไฟฟ้าพร้อมเบาะนอนยางพาราแท้นุ่มสบาย รองรับสรีระ
• บริการ Digital TV เชื่อมต่อ Netflix
• สัญญาณ WIFI -เครื่องอบ UV ทำความสะอาด ฆ่าเชื้อโรค
• Smart Toilet ลดการสัมผัส
• เครื่องชงกาแฟอัตโนมัติ Starbuck
• ไฟ Dimmer ช่วยให้ลดแสงรบกวน
ข้อแนะนำการรับบริการ เพื่อการชะลอวัยที่ได้ผลสูงสุด แพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
• แนะนำ ควรให้ สเต็มเซลล์ซ้ำทุกๆ6-12 เดือน
• ชุดต้อนรับเครื่องดื่มชาร้อนและผ้าเช็ดมืออุ่น กลิ่นสมุนไพร
• อาหารมื้อกลางวันเพื่อสุขภาพ หรือ อาหารจานหลักตาม Order จาก Food House
ภายใต้เครื่องหมายการค้า S&P
• อาหารว่างรับรอง เช่น เครื่องดื่ม Smothies จากผลไม้หลากสี ต้านอนุมูลอิสระ หลากชนิด
ติ่มซำ ,ผลไม้ ชนิดต่างๆ
• บริการเตียงไฟฟ้าพร้อมเบาะนอนยางพาราแท้นุ่มสบาย รองรับสรีระ
• บริการ Digital TV เชื่อมต่อ Netflix
• สัญญาณ WIFI -เครื่องอบ UV ทำความสะอาด ฆ่าเชื้อโรค
• Smart Toilet ลดการสัมผัส
• เครื่องชงกาแฟอัตโนมัติ Starbuck
• ไฟ Dimmer ช่วยให้ลดแสงรบกวน
ข้อแนะนำการรับบริการ เพื่อการชะลอวัยที่ได้ผลสูงสุด แพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
• แนะนำ ควรให้ สเต็มเซลล์ซ้ำทุกๆ6-12 เดือน